ห้ามพลาด!! เงินเยียวยาเกษตรกรในช่วงโควิด 2566 มีอะไรบ้าง?
อาชีพเกษตรกรถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 มากเท่าไรนัก แต่ในทางตรงกันข้ามอาชีพนี้กลับได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน สาเหตุอันเกิดมาจากราคาสินค้าทางการเกษตรที่ต่ำลงแล้วยิ่งต่ำลงไปอีก ทั้งยังมีนโยบายป้องกันการแพร่ระบาดต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายสินค้าทางการเกษตร นอกจากรัฐบาลแจกเงินเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ประกอบอาชีพอื่นแล้ว ยังมีมาตรการเยียวยาเกษตรกรให้ได้รับความช่วยเหลือและเงินเยียวยาเกษตรกรตามสาขาอาชีพที่ตัวเองได้ทำอยู่ ณ ขณะนั้น ดังจะเห็นได้จากเมื่อปี 2563 ที่รัฐบาลได้เปิดให้ลงทะเบียนเงินเยียวยารายละ 5000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน รวมเป็นเงิน 15000 บาท ให้กับเกษตรกรทุกกลุ่มสาขาอาชีพที่ได้รับการขึ้นทะเบียน ซึ่งเงินดังกล่าวจะโอนผ่านธนาคาร ธกส. โดยสามารถเช็คเงินเกษตรกรได้จากบัญชีเงินฝากที่ได้เปิดไว้กับธนาคาร และในปี 2566 นี้ ถึงแม้ว่านโยบายแจกเงินดังกล่าว จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่? หลังจากที่ได้มีการเช็คเงินเยียวยาเกษตรกรรอบ 3 แล้ว แต่จากข้อมูลพบว่าการเยียวยาเกษตรกรรอบใหม่นี้จะอยู่ในโครงการต่าง ๆ ซึ่งเราจะหยิบยกมานำเสนอในหัวข้อต่อไป
เงินเยียวยาเกษตรกร รายละ 9000 บาท ผ่านโครงการเราชนะ โดยการโอนเงินข้าบัตรคนจน
นอกจาการลงทะเบียนเกษตรรับเงินเยียวยาในโครงการรัฐบาลที่ช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรงแล้ว เชื่อว่ายังมีผู้ที่ประกอบอาชีพเกษตรรายเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนและไม่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับเงินเยียวยายังต้องการความช่วยเหลือในส่วนนี้อยู่ เพราะฉะนั้นหากคุณเป็นเกษตรกรและมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐคุณสามารถรับเงินเยียวยาเกษตรกรในโครงการดังกล่าวได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ซึ่งจะมีการโอนเงินเข้าบัตรคนจนที่คุณถืออยู่ตามวันและจำนวนเงินที่โครงการได้กำหนดเอาไว้เป็นจำนวนเงินรวม 9000 บาท ให้สามารถใช้จ่ายได้ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขเดิมที่บัตรคนจน ซึ่งคุณสามารถนำบัตรสวัสดิการไปเช็คเงินเกษรตรกรได้ หรือจะตรวจเช็คผ่านระบบออนไลน์ได้เช่นกัน
โครงการประกันราคาสินค้าทางการเกษตร หนึ่งในเงินเยียวยาเกษตรกรที่จะได้รับ 2023
นอกจากรัฐบาลแจกเงินเยียวยาเกษตรกรในรูปแบบโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ธกส. ให้กับผู้ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรแล้วนั้น เนื่องด้วยสินค้าทางการเกษตรที่ปกติมีราคาต่ำอยู่แล้วเมื่อเจอพิษโควิด 19 เข้าไปยิ่งทำให้ต่ำลงไปอีก ดังนั้นเงินเยียวยาเกษตร 2566 ณ ขณะนี้อยู่ในรูปแบบของการประกันราคาและการชดเชยราคา ซึ่งหลัก ๆ แล้วสินค้าทางการเกษตรที่ได้รับการประกันราคา ได้แก่
- บรรดาข้าวประเภทต่าง ๆ เช่น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ประกันราคาตันละ 11,813.33 บาท, ข้าวเปลือกหอมปทุม ราคาตันละ 11,314.42 บาท เป็นต้น
ในส่วนของค่าชดเชยเนื่องจากขายได้ราคาที่ต่ำกว่าจากราคาที่ประกันเอาไว้ จะตกอยู่ที่ตันละ 2,186.67 บาท สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิ, ราคาตันละ 429.46 บาท สำหรับข้าวเปลือกเหนียว เป็นต้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าอาชีพไหนก็ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบกันทั้งนั้น ยิ่งอาชีพเกษตรกรซึ่งเป็นอาชีพของคนกลุ่มใหญ่ในสังคมที่มีทั้งได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้ และผู้ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรแต่ยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพเสริม หรือรายย่อย ๆ ฉะนั้นแล้วการเยียวยาเกษตรกรก็จะอยู่ในรูปแบบโครงการและนโยบายที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากคุณอยากทราบว่า ณ ตอนนี้มีการเยียวยาในรูปแบบใดให้สมัครบ้าง สามารถเช็คเงินเยียวยาเกษตรกรล่าสุดได้ทางเว็บไซต์หรือธนาคารต่าง ๆ ที่มีมาตรการความช่วยเหลือดังกล่าว